พระขุนแผนหลวงพ่ออ่อง ถาวโร สำนักสงฆ์เขาวงกตอ.แก่งหางแมวจ.จันทบุรีพ.ศ.2558

บำเพ็ญเพียรตั้งมั่นอยู่ในสมณธรรมอย่างเคร่งครัด มีวัตรปฏิบัติดีเปี่ยมด้วยเมตตาธรรม เป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั่วไป

วัตถุมงคลและเครื่องรางที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกโด่งดังไปไกลทั่วประเทศ โดยเฉพาะเหรียญรุ่นแรก

ปัจจุบัน หลวงปู่อ่อง ถาวโร สิริอายุ 77 ปี พรรษา 55

มีนามเดิมว่า อ่อง นัดสันเทียะ เกิดเมื่อ วันเสาร์ที่ 25 มี.ค. 2481 ที่บ้านหนองขุ่น หมู่ที่ 4 ต.ขามทะเลสอ อ.ขามทะเลสอ จ.นครราชสีมา ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนา-ทำไร่

ชีวิตในวัยเด็กค่อนข้างลำบาก ต้องช่วยเหลือครอบครัวทำงาน แต่ยังมีเวลาที่จะศึกษาเล่าเรียนตามเกณฑ์ภาคบังคับที่โรงเรียน รักราษฎร์รังสรรค์ ต.ขามทะเลสอ จบชั้น ป.4 จึงออกจากโรงเรียนมาช่วยครอบครัวทำอาชีพกสิกรรม และแสวงหาความรู้ต่างๆ ต่อสู้ชีวิตเรื่อยมา

จากนั้น ได้ขออนุญาตพ่อ-แม่ เข้าเป็นศิษย์วัด ด้วยความศรัทธาเลื่อมใส มีโอกาสเรียนรู้ธรรมะตั้งแต่ยังเล็ก

ในปี พ.ศ.2496 มีอายุครบ 15 ปี เข้าพิธีบรรพชา ที่วัดหนองขุ่น ต.ขามทะเลสอ จ.นครราชสีมา มีพระครูอินทร์สังวร เจ้าอาวาสวัดหนองขุ่น เป็นพระบรรพชาจารย์

จากนั้นอยู่ที่วัดหนองขุ่น ศึกษาพระธรรมวินัย พระปริยัติธรรม แผนกนักธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ

พ.ศ.2503 เข้าพิธีอุปสมบทที่พัทธสีมา วัดหนองขุ่น ต.ขามทะเลสอ จ.นครราชสีมา เมื่อวันอังคารที่ 28 เม.ย. 2503 พระชิโนรสธรรมมุนี (มณี อังกุโร) วัดแจ้งใน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการแต้ม วัดหนองคู เป็นพระกรรม วาจาจารย์ และพระอธิการฉาย จันทาโภ วัดหนองขุ่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ได้รับฉายาว่า "ถาวโร" หมายถึง ผู้ที่มีความยั่งยืน

หลังอุปสมบท อยู่จำพรรษาที่วัดหนองขุ่น ต่อมาย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพฯ เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม แผนกบาลีไวยากรณ์ ซึ่งท่านสามารถท่องพระปาฏิโมกข์ได้ตั้งแต่พรรษาแรก ต่อมาย้ายไปจำพรรษาที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ก่อนจะย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดศาลาลอย อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา

ในเวลาต่อมา ท่านย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสิงห์บางกะจะ หมู่ที่ 1 ต.บางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี ศึกษาอบรมพระวิปัสสนากัมมัฏฐานกับพระครูวรพรตบริหาร (วร วราลโย) พระเกจิ คณาจารย์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดจันทบุรีรูปหนึ่ง อีกทั้งยังได้ศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลีไวยากรณ์ ในสำนักเรียนวัดพลับบางกะจะ สามารถสอบไดประโยค 1-2

ท่านกราบลาพระครูวรพรตบริหาร ออกเดินท่องธุดงค์ เพื่อฝึกจิตใจให้สงบ ค้นหาครูบาอาจารย์เพื่อศึกษาด้านพุทธาคมเพิ่มเติม

ด้วยท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเสมอต้นเสมอปลายจนถึงปี พ.ศ.2514 หลวงปู่อ่องได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดเขาวงกต ต.เขาวงกต อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เพื่อทำหน้าที่ปกครองดูแลพระภิกษุ-สามเณร

ด้านงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา จัดเทศนาธรรมเป็นประจำในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ชักชวนประชาชนให้ร่วมทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ เวียนเทียนรอบอุโบสถ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา อีกทั้งเป็นครูสอนพระธรรมวินัย

ในปี พ.ศ.2518 หลวงปู่อ่องขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเขาวงกต จากนั้นได้ปลีกวิเวกแสวงหาสถานที่แห่งความเงียบสงบ ยึดมั่นในธุดงควัตร ปฏิบัติตนให้ดำรงอยู่ในสมณสารูป อยู่ในถ้ำเขาวงกตระยะหนึ่ง แล้วธุดงค์ไปยังบ้านหนองแหวนได้เพียง 1 เดือน ก็ธุดงค์ย้อนกลับมายังถ้ำเขาวงกตอีกครั้งหนึ่ง

พ.ศ.2522 คณะสงฆ์ ตลอดจนทายก-ทายิกา อาราธนาหลวงปู่อ่อง กลับมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเขาวงกตอีกครั้งหนึ่ง

ผ่านไปเพียง 2 ปี หลวงปู่อ่องขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเขาวงกต อีกเป็นครั้งที่สอง ด้วยปรารถนาในการประพฤติปฏิบัติในพระวิปัสสนากัมมัฏฐานให้ก้าวหน้า และปลีกวิเวกแสวงหาความสงบสุขทางใจ

พ.ศ.2530 จั่น สุขสว่าง ถวายที่ดินบริเวณที่เป็นสำนักสงฆ์ถ้ำเขาวงกต เนื้อที่ 4 ไร่ 2 งาน ให้หลวงปู่อ่อง เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมต่อไป

ด้านเครื่องรางหรือวัตถุมงคลที่หลวงปู่อ่องจัดสร้าง ล้วนแล้วแต่ทรงคุณอันวิเศษ และเป็นที่เสาะแสวงหาของบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่องเป็นอย่างมากอย่าง อาทิ เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่อ่อง, พระขุนแผนพิมพ์ใหญ่เนื้อมหาว่านมงคล หลวงปู่อ่อง, เหรียญหลวงปู่อ่อง วัดถ้ำเขาวงกต รุ่นฉันให้ทำ ฯลฯ

ปัจจุบัน หลวงปู่อ่องย้ายมาพำนักอยู่ในสำนักสงฆ์ถ้ำเขาวงกต ด้วยเป็นสถานที่มีความสัปปายะหลีกเร้นจากผู้คน เหมาะสำหรับการปฏิบัติภาวนา

ท่านเป็นพระเถระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเคร่งครัดพระธรรมวินัยมาโดยตลอด นอกจากจะเป็นพระเกจิอาจารย์ ยังเป็นพระนักพัฒนา

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านพัฒนาชุมชนรอบ ต.เขาวงกต ศาสนสถานและถาวรวัตถุได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมให้สวยงามพร้อมใช้ปฏิบัติศาสนกิจของสงฆ์ ตลอดเวลาในการเป็นพระนักปกครอง

หลวงปู่อ่องยึดหลักเมตตาธรรมปฏิบัติหน้าที่รับใช้พระพุทธศาสนาโดยไม่ขาดตกบกพร่อง แม้ล่วงอายุเข้าสู่วัยไม้ใกล้ฝั่ง แต่จิตใจของท่านเข้มแข็งมาก

สุขภาพไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติศาสนกิจ