เหรียญองค์ฮ้อเอี๊ยฮุ้งเซียโจ้ว何野云圣祖เนื้อกะไหล่ทองลงยาสีแดง

เหรียญองค์ฮ้อเอี๊ยฮุ้งเซียโจ้ว何野云圣祖เนื้อกะไหล่ทองลงยาสีแดง
เหรียญองค์ฮ้อเอี๊ยฮุ้งเซียโจ้ว何野云圣祖เนื้อกะไหล่ทองลงยาสีแดงเหรียญองค์ฮ้อเอี๊ยฮุ้งเซียโจ้ว何野云圣祖เนื้อกะไหล่ทองลงยาสีแดงเหรียญองค์ฮ้อเอี๊ยฮุ้งเซียโจ้ว何野云圣祖เนื้อกะไหล่ทองลงยาสีแดงเหรียญองค์ฮ้อเอี๊ยฮุ้งเซียโจ้ว何野云圣祖เนื้อกะไหล่ทองลงยาสีแดง
รหัสสินค้า SKU-02463
หมวดหมู่ 16.องค์ฮ้อเอี๊ยฮุนฮุคโจ้ว何野云圣祖,เซี๊ยโจ้ว
ราคา 999.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
อัพเดทล่าสุด 10 มี.ค. 2568
จำนวน
ชิ้น
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
การสั่งซื้อสินค้าจากทางร้าน  

cool  สินค้าราคา 50-299 บาท   มีค่าจัดส่งสินค้าแบบEMS เพิ่ม 30-60 บาทค่ะ (แล้วแต่เขตพื้นที่ค่ะ)

smile บูชาสินค้าจากทางร้านราคารวม 300 บาทขึ้นไป ทางร้านจัดส่งสินค้าฟรีแบบด่วน EMS ค่ะ


laughing ไม่มีบริการจัดส่งแบบเก็บเงินปลายทาง ต้องขออภัยด้วยนะคะ

หมายเหตุ : ทางร้านได้ลงทะเบียน DBD อย่างถูกต้องตามกฏหมาย
smile คุณลูกค้าสบายใจได้ ได้รับสินค้าอย่างแน่นอนค่ะ
เหรียญองค์ฮ้อเอี๊ยฮุ้งเซียโจ้ว何野云圣祖เนื้อกะไหล่ทองลงยาสีแดง

ขนาดความกว้าง 2.3  เซนติเมตร
ขนาดความยาว,สูง  3.7 เซนติเมตร
สินค้านี้เป็นพระเก่าเก็บ ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน อาจมีคราบสนิม ความเก่าที่เกิดตามกาลเวลา
พิจารณาได้ตามรูปค่ะ

สินค้านี้ราคา 999 บาท  ฟรีค่าจัดส่งแบบ EMS ค่ะ
สนใจสินค้า สามารถสั่งซื้อได้ที่หน้าเว็ป หรือแอดไลน์ มาได้ที่ hra7215 ค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะ

ประวัติท่านเซี้ยโจ้ว ฮ้อเอี้ยฮุ้น  何野云圣祖

ปรามาจารย์เซี้ยโจ้ว ฮ่อเอี้ยฮุ้น  何野云圣祖 เป็นชนชาวเมืองนิ่มอัง มณฑลจิกกัง หรือเจ้อเจียง เดิมทีท่านแซ่โต๋ว ชื่อซุ้ง มีฉายาว่า ซักบ้อเซียน” ( เซียนตัวเรือด) อีกมติหนึ่งกล่าวว่าท่านแซ่คอ ชื่ออิก เป็นศิษย์เอกร่วมสำนักเดียวกับท่านเล่ากี หรือเล่าแปะอุ่ง ที่ปรึกษาและสมุหนายกของพระเจ้าจูง่วงเจียง หรือพระเจ้าเม่งไท้โจ้ว พ.ศ.1911-1941 ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์เม้ง

เมื่อตอนปลายสมัยราชวงศ์ง้วงประชาชนชาวจีนลุกฮือขึ้นทั่วทั้งประเทศเพื่อล้มล้างราชวงศ์ง้วง อันเป็นชนชาติต่างประเทศชนชาติมองโกลที่เข้ามาปกครองประเทศจีน สมัยนั้นจึงเกิดมีวีรบุรุษผู้นำจำนวนมาก วีรบุรุษผู้นำที่เข้มแข็งที่สุดในขณะนั้นก็คือ จูง่วงเจียง และตั่งอิวเหลียง

             เมื่อปี พ.ศ.1862 ทั้งท่านเล่ากีและท่านเซี้ยโจ้ว ต่างลงเขาออกจากสำนักของท่านอาจารย์ไปเสาะแสวงหาเจ้านายเพื่อสนับสนุนให้ได้เป็นฮ่องเต้ทั้ง ๆ ที่เป็นศิษย์ร่วมสำนักอาจารย์เดียวกันแต่ทั้งสองฝ่ายต่างคิดคำนวณชะตากับท่านผู้นำตั้งอิ่วเหลียง

ท่านเซี้ยโจ้วได้คำนวณว่า ดาวจี๋มุ้ยแช หรือดาวฮ่องเต้ ประจำตัวฮ่องเต้ ดาวดวงนี้ไปตกต้องชะตากับท่านผู้นำตั้งอิวเหลียง แต่ฝ่ายท่านเล่ากี กลับคำนวณได้ว่า ดาวเทียงเก้าแช หรือดาวสุนัขสวรรค์ อันเป็นดาวประจำตัวของท่านผู้นำจูง่วงเจียงนั้น มีระยะเวลา 5,000 ปี ต่อครั้ง จักมีอำนาจอิทธิพลเหนือดาวจี๋มุ้ยแช ซึ่งระยะนั้นตรงกับเวลาที่ดาวเทียงเก้าแชกำลังแสดงอิทธิพล ท่านเล่ากีจึงได้ไปเข้าข้างกับผู้นำตั้งอิ่วเหลียง จูง่วงเจียงกับตั้งอิ่วเหลียง ต่างได้ยกกองทัพต่อสู้ห้ำหั่นกัน ชิงความเป็นใหญ่ในแผ่นดินจีน ขับเคี่ยวกันเป็นเวลานานหลายปีแย่งชิงดินแดนกัน นับตั้งแต่มณฑลฮ่อน้ำ มณฑลอังฮุย มณฑลจิกกัง และมณฑลกังไซ

ตามแผนการการศึกของท่านเซี้ยโจ้วนั้น ท่านต้องการยกกองกำลังทางบกบุกโจมตีเมืองอิ๊งเทียง ซึ่งปัจจุบันก็คือเมืองน่ำเกีย หรือนานจิน แต่ตั้งอิ่วเหลียงหายอมเชื่อฟังไม่ เนื่องด้วยทหารสมัครพรรคพวกของตั้งอิ่วเหลียง ส่วนใหญ่เคยเป็นโจรสลัดมีอาชีพมีอาชีพปล้ยสดม ถนัดทางน้ำมาก่อน จึงได้ยกกำลังเป็นกองเรือนาวีบุกเข้าโจมตีเมืองน่ำเชียง ทหารของตั้งอิ่วเหลียง มีนิสัยสันดานเป็นโจรหยาบช้า เมื่อยกทัพไปถึงที่ใดก็มักเข่นฆ่าประชาชน ปล้นสดมข่มขืนหญิงชาวบ้าน ประชาชนได้รับความยากลำบากขาดที่พึ่ง

             ท่านเซี้ยโจ้ว ได้พยายามว่ากล่าวแก่ตั้งอิ่วเหลียงอยู่หลาย ๆ ครั้ง แต่ไม่เป็นผล ทำให้ท่านเซี้ยโจ้วรู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจต่อการหนุนตั้งอิ่วเหลียงให้ได้เป็นฮ่องเต้ ท่านคิดผละจากตั้งอิ่วเหลียงไปเมื่อกองทัพเรือยกไปถึงลำน้ำกิ่วกัง แต่ด้วยความซื่อสัตย์ภักดีต่อนายเดียว ทำให้ท่านเซี้ยโจ้วไม่สามารถตีจากไปได้

ต่อมาวันหนึ่ง ท่านเซี้ยโจ้วคิดคำนวณได้ว่า เบื้องบนสวรรค์กำลังส่งนายทัพสวรรค์ลงมาเรียกเก็บดาวจี๋มุ้ยแชกลับคืน ท่านจึงได้กล่าวเตือนตั้งอิ่วเหลียงว่า ขณะกองทัพเรือไปถึงทะเลสาบพวงเอี่ยงโอ้ว ให้ตั้งอิ่วเหลียงหลบภัยอยู่ใต้ท้องเรือ ห้ามโผล่ศีรษะออกจากพื้นเรือเด็ดขาด

การศึกครั้งนี้ชนะแพ้ขาด ขึ้นอยู่กับเวลานี้เท่านั้น การสู้รบดำเนินไปถึงเวลาเที่ยงวัน เสียงสู้รบกันดังสนั่นหวั่นไหว ตั้งอิ่วเหลียงที่แอบซุกตัวอยู่ใต้ท้องเรือรู้สึกตื่นเต้นระงับอารมณ์ไม่อยู่ จึงโผล่ศีรษะขึ้นจากพื้นเรือขึ้นมามองดู ถูกนายทัพสวรรค์เห็นเข้า จึงบันดาลให้เกิดเป็นฝนเกาทัณฑ์สาดมาต้องศีรษะของตั้งอิ่วเหลียง ท่านเซี้ยโจ้วเห็นเช่นนั้น จึงทอดถอนใจ รำพึงว่า นายท่านไร้วาสนา ไม่ฟังคำตักเตือน การศึกไร้ผลอนิจจาฟ้าลิขิต

             ท่านเซี้ยโจ้วได้เดินทางมาถึงนครน่ำเกีย ท่านได้เดินสำรวจรอบ ๆ นครน่ำเกีย ศึกษามองดูชัยภูมิของนครน่ำเกีย ปรากฏว่าเป็นเมืองที่มีแม่น้ำล้อมรอบ และเมื่อจูง่วงเจียงยกทัพมาถึง ก็จัดการบูรณะนครน่ำเกียเสียใหม่ ท่านจึงได้ไปพำนักที่บ้านของคหบดีแซ่เฮ้ง ท่านได้ช่วยกำกับการก่อสร้างคฤหาสน์ของท่านคหบดี โดยจัดสร้างตามทำเลที่ดีในหลักของวิชาฮวงจุ้ยศาสตร์ที่ท่านได้ศึกษามา ท่านได้ดูฤกษ์ยามก็รู้ว่าในวันกำหนดที่จะขึ้นคานคฤหาสน์นั้นจูง่วงเจียงและท่านเล่ากี ศษย์ร่วมสำนักของท่านจะมาที่บ้านของคหบดีแซ่เฮ้ง เพื่อชักชวนท่านไปรับราชการ ช่วยบริหารประเทศ

            แต่ท่านเซี้ยโจ้วมีปณิธาน ไม่ยอมเป็นบ่าวสองนาย จึงกล่าวกับท่านคหบดีว่า ท่านจะไปทำธุระทางภาคใต้ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ทำการยกคานขึ้นเสานั้นจะมีบุรุษผู้มีพระคุณ 2 ท่านมาหา ให้ท่านคหบดีดูแลต้อนรับเลี้ยงดูปูเสื่อให้เต็มที่ และให้รีบยกคานขึ้นเสา แล้วเชิญบุรุษทั้งสองท่านเขียนกล่าวคำอวยพร บุรุษทั้งสองเป็นผู้มีอำนาจวาสนามาก หากได้รับคำอวยพรแก่บุรุษทั้งสองแล้วตระกูลของท่านคหบดี จักเจริญสมบูรณ์พูนสุขยิ่งขึ้นต่อไปในวันข้างหน้า พร้อมกับฝากหนังสือให้แก่ท่านคหบดีช่วยมอบให้แก่บุรุษผู้มีอายุสูงกว่า

ความในหนังสือมีว่า เมื่อการเสร็จสมประสงค์แล้ว ให้รีบลาจาก มิฉะนั้นขุนนางผู้ซื่อสัตย์ ให้ระวังโทษประหาร แล้วท่านก็ลาจากท่านคหบดีมุ่งเดินทางสู่ทางใต้

ในวันรุ่งขึ้น ก็มีบุรุษสองท่านมาที่บ้านคหบดีจริง ๆ มาถามหาคนชื่อโต่วซุ้ง เมื่อเวลาเที่ยงวัน ทั้งสองแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ท่ามสง่าภูมิฐาน ท่านคหบดีเป็นคนซื่อ จึงต้อนรับขับสู้บุรุษทั้งสองท่านตามที่ท่านเซี้ยโจ้วสั่งไว้ทุกประการ และยังมอบหนังสือของท่านเซี้ยโจ้วแก่บุรุษที่อาวุโสกว่า

            ที่แท้บุรุษทั้งสองนี้ ท่านหนึ่งก็คือพระเจ้าเม่งไท้โจ้ว จูง่วงเจียง ฮ่องเต้สมัยนั้นนั่นเอง อีกท่านหนึ่งก็คือท่านอัครเสนาบดีเล่ากีหรือเล่าแปะอุ่งนั่นเองและตามหนังสือของท่านเซี้ยโจ้วที่มอบให้แก่ท่านเล่ากี เตือนให้ท่านผละจากราชการ ปรากฏว่าในภายหลัง พระเจ้าเม่งไท้โจ้วทรงรับสั่งให้ประหารนายทหาร และเสนาบดีที่ศึกมากับพระองค์หลายคน ด้วยทรงระแวงว่าขุนศึกและเสนาบดีเหล่านั้นจะเป็นกบฏต่อพระองค์

บุรุษทั้งสองท่านนั้น เดินทางมาไกล ด้วยความเหน็ดเหนื่อยและหิวกระหาย เมื่อได้รับการต้อนรับและเลี้ยงดูจากท่านคหบดี ก็มีความพอใจ ดังนั้นท่านคหบดีแซ่เฮ้ง จึงรีบสั่งให้คนงานยกคานขึ้นเสาทันทีตามที่ท่านเซี้ยโจ้วสั่งและเชิญบุรุษทั้งสองท่านกล่าวคำอวยพร

พระเข้าจูง่วงเจียง เมื่อไม่พบท่านเซี้ยโจ้ว ก็รู้ว่าท่านเซี้ยโจ้วไม่เต็มใจรับราชการกับพระองค์ แถมยังใช้ให้พระองค์อวยพรกับบุคคลสามัญธรรมดา ก็ทรงไม่พอพระทัย แต่ท่านอครเสนาบดีเล่าแปะอุ่งทูลกล่าวตักเตือนพระองค์ว่า กินข้าวปลาของเขาแล้วสมควรกล่าวคำอวยพรตอบแทนเขาบ้าง

             ดังนั้นทั้งสองท่านจึ่งลุกขึ้นยืนชี้มือไปที่คานคฤหาสน์ พระเจ้าจูง่วเจียงทรงกล่าวคำอวยพรว่า ไชจื้อบ่วงซุง ซึ่งแปลว่า พันบุตรหมื่นหลาน ท่านอัครเสนาบดีเล่าแปะอุ่งกล่าวคำอวยพรสนับสนุนว่า เชียงเมี่ยปู๊กุ่ย แปลว่า อายุยืนมั่งคั่งร่ำรวยวาสนา

             ท่านคหบดีจึงกล่าวเชื้อเชิญบุรุษทั้งสองท่านกล่าวคำหอวยพรให้ตนอีกครั้ง พระเจ้าจูง่วงเจียง ซึ่งยังทรงพระพิโรจอยู่ ทรงกล่าวว่า ชีซี่ฮูไจ๊ จื้อมั้งแป๋เอ๋า ซึ่งแปลว่า ภรรยาตายก่อนสามี บุตรมลายทีหลังบิดา ท่านอครเสนาบดีกล่าวอวยพรต่อว่า กวงไจ๊หยูเอ๋า ง่วงงเฮงหลีเจ็ง แปลว่า ศักดิ์ศรีมาก่อนความมั่งคั่งมาทีหลัง เริ่มแรกสะดวกผลประโยชน์เหนียวแน่น

พระเจ้าจูง่วงเจียงทรงหันไปถามเล่าแปะอุ่งว่า คำอวยพรของพระองค์มีความหมายดีหรือไม่ ท่านเล่าแปะอุ่งทูลตอบว่า คำอวยพรของฮ่องเต้ล้วนแต่ประเสริฐ อย่างเช่น ชีซี่ฮูเอ๋า นับว่าเป็นวาสนา ส่วนคำว่า จื้อมั้งแป๋เอ๋า นับว่าเป็นธรรมดาโลกที่บุตรมาตายภายหลังบิดา ถ้าบุตรมาตายก่อนบิดาจึงนับว่าเป็นการขัดต่อกฎเกณฑ์ของโลก

พระเจ้าจูง่วงเจียง ทรงรับฟังเช่นนี้ ทรงพยักพระพักตร์ด้วยความนับถือในสติปัญญาของท่านเล่าแปะอุ่ง

ดังนั้น หลังจากนั้นเป็นต้นมาคนจีนที่สร้างบ้านหรือศาลเจ้าใหม่ บนคานหลักของตัวบ้านมักจะเขียนคำอวยพรว่า ไชจื้อบ่วงซุง เชี่ยงเมี่ยปู๊กุ่ย และคำว่า กวงไจ๋หยูเอ๋า ง่วงเฮงหลีเจ็ง

ต่อมาภายหลังปรากฏว่าครอบครัวของคหบดีแซ่เฮ้ง บุตรหลานล้วนแต่เจริญรุ่งเรืองร่ำรวยมีวาสนา และอายุยืนเป็นร้อยปีเกือบทุก ๆ คนดำรงกันมาหลายชั่วโคตรของตน

 

             ท่านเซี้ยโจ้ว เมื่อเดินทางจากนครน่ำเกียลงมาทางใต้ ได้ตระเวนข้ามภูเขาและแม่น้ำ 3 สายมายังมณฑลฮกเกี้ยน ต่อมาภายหลังจึงเดินทางมายังเมืองแต้จิ๋ว แล้วเปลี่ยนชื่อแซ่ใหม่เป็นฮ่อเอี้ยฮุ้น ท่านเซี้ยโจ้วชำนาญในการดูทำเลชัยภูมิฮวงจุ้ย ท่านได้ตระเวนดูรูปร่างภูเขาต้นไม้ใบหญ้า ฟังเสียงน้ำตกน้ำไหล ภายในรัศมี 10 ลี้นั้น ท่านสามารถค้นหาชัยภูมิที่ประเสริฐ รู้ทางมังกรน้อยใหญ่ นั่งและหันไปในทิศทางที่เหมาะสม รู้ตำแหน่งของดาวประเสริฐและชั่วร้าย ชื่อเสียงของท่านเซี้ยโจ้วจึงลือกระฉ่อนไปในหมู่บ้านแต้จิ๋ว

ชาวแต้จิ๋ว เมื่อทำการสร้างบ้านใหม่หรือล้อมรั้ว และสร้างศาลเจ้าศาลบรรพชน แม้แต่การสร้างสุสาน หลุมฝังศพ ตั้งป้ายหลุมศพ ดูฤกษ์ ดูวัน มักจะฟังคำแนะนำของท่านเซี้ยโจ้วเสมอ กล่าวกันว่า ท่านเซี้ยโจ้วมีวาจาสิทธิ์

ท่านเซี้ยโจ้วได้ช่วยเหลือชาวแต้จิ๋วดูฮวงจุ้ยห้ามค่ำหามคืน จนกระทั่งเสื้อผ้าที่ท่านเซี้ยโจ้วสวมใส่ ท่านไม่ได้ซักและเปลี่ยนเป็นเวลานานนับเดือนนับปี จึงบังเกิดตัวเรือดและเหาติดตามตัวเซี้ยโจ้วจำนวนมาก เวลาที่ท่านคุยแนะนำเรื่องฮวงจุ้ยกับผู้ใด ท่านมักเกาจับตัวเรือดและเหาอยู่เสมอ ๆ ดังนั้นท่านจึงมีอีกฉายานามว่า ซักบ้อเซียน หรือเซียนตัวเรือด

 

ชัยภูมิเนินหนู

              ขณะที่ท่านเซี้ยโจ้วท่องเที่ยวอยู่ในอำเภอเตี๊ยเอี้ย ท่านได้เดินทางมาถึงหมู่บ้านกั่งเท้า ท่านได้ดูทำเลที่ฝังศพให้แก่ตระกูลแซ่เล้า เป็นบรรพบุรุษรุ่นที่ 3 ทำเลที่ตั้งสุสานนี้ เรียกว่า ชัยภูมิเนินหนู เพราะลักษณะเนินเขาลูกนี้มองดูคล้ายหนูตัวหนึ่งส่วนหัวใหญ่ ส่วนหางเล็ก มีหินแซมโผล่เรียงรายมองดูคล้ายลักษณะเป็นหางหนูขดไปมายาวประมาณ 1 กม. ตัวเนินเขาปกคลุมไปด้วยหญ้า เสมือนดั่งขนของหนู มีป้ายหินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งอยู่บนเนินเขาส่วนหัวของหนูมองดูคล้ายเขี้ยวหนู จากยอดเนินมองลงมาจะเห็นเป็นตัวหนูกำลังขบเคี้ยวก้อนน้ำตาล

เมื่อตัวสุสานทำการสร้างเสร็จจึงทำการบูชาเทวดาเจ้าป่าและเจ้าเขา ชาวบ้านใกล้เคียงเนินเขาแห่งนี้หลายหมู่บ้าน มีหมู่บ้านฮ่งเนี่ย หมู่บ้านอ้ำแค หมู่บ้านฮุ่งแค และหมู่บ้านซัวเก่าเลี้ยว ล้วนเพาะปลูกมันสำปะหลังเป็นอาชีพ แต่พอตกกลางคืน มักถูกหนูจำนวนมากมาแอบขโมยกินมันสำปะหลังที่ปลูกเอาไว้ ก่อความเสียหายแก่ชาวบ้านจำนวนมาก

ต่อมาภายหลังได้มีหมอดูฮวงจุ้ยคนหนึ่งมาแนะนำชาวบ้านว่า ให้นำปูนขาวหรือขี้เถ้า เอามาคลุกผสมกับข้าวเหนียว รอจนเช้ามืดจวนสว่างให้ติดตามพวกหนูไปยังลังของมัน แล้วก็นำปูนขาวคลุกเคล้าข้าวเหนียวอุดไว้ที่ปากทางเข้ารังของมัน ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ปรากฏพวกหนูมาทำลายพืชผล

 

เมื่อตอนที่หัวหน้าตระกูลแซ่เล้า กำลังวางรากฐานก่อสร้างฮวงจุ้ยอยู่นั้น ได้เดินทางไปต่างตำบล ก่อนออกเดินทางได้สั่งลูกสะใภ้นางเอี่ยสีว่า ให้ต้อนรับท่านเซี้ยโจ้วให้ดี หุงหาอาหารเย็นให้รับประทาน ขณะที่ท่านเซี้ยโจ้วกำลังรับประทานอาหารมื้อเย็นอยู่ นางลูกสะใภ้เอี่ยสีได้มาถามท่านเซี้ยโจ้วว่า ทำเลสุสานที่ท่านหัวหน้าแซ่เล้ากำลังสร้างอยู่นี้ จะให้ผลดีแก่ลูกหลานอย่างไร สายไหนของวงศ์ตระกูลจะได้รับผลดีกว่ากัน ท่านเซี้ยโจ้วกำลังเสพสุราได้ที่อยู่ จึงกล่าวออกมาว่า ซาปั้งซาเหลาชื่อบ้วย แจ้งโตวปุ๊กเกียซี่นั้ง แปลว่า สามสายสามหางหนู ขยายเท่าไรก็ไม่สะเทือน ตั้งแต่นั้นมาจนปัจจุบันนับด้วยร้อยปีลูกหลานของตระกูลแซ่เล้านี้เจริญรุ่งเรืองแต่ไม่มากเท่าที่ควร

อีกครั้งหนึ่งท่านเซี้ยโจ้วได้ช่วยดูทำเลการสร้างรั้วให้แก่ครอบครัวหนึ่งตัวรั้วนั้นสร้างไม่ค่อยมั่นคง พอถูกลมฝนทีก็เอนเอียงไปมา ที่ธรณีประตูรั้วสร้างด้วยศิลา มีลายหมึกดำอยู่สายหนึ่งเมื่อธรณีประตูถูกเหยียบนานวันเข้า เส้นสายลายหมึกนั้นก็สึกลงไป 1,2 นิ้วจีน ซึ่งในปัจจุบันนี้ เส้นสายลายหมึกจีนนี้ยังมีร่องรอยเหลืออยู่ เวลานั้นที่ประตูทางทิศตะวันออกได้มีการเฉลิมฉลองด้วยการแขวนโคมไฟบนหน้าประตู แต่มีสุนัขตัวหนึ่งพยายามตะกุยขึ้นไปแย่งเขี่ยโคมไฟนั้น

ท่านเซี้ยโจ้วมองเห็นเช่นนั้น จึงเอ่ยขึ้นมาลอย ๆ ว่า เก้าพะเต็ง แปลว่า สุนัขตีโคม ต่ตามสำเนียงภาษาแต้จิ๋วนั้น คำว่า เก้าพะเต็ง ตรงกับคำว่า เก่าแปะเต็ง แปลว่า บุตรสืบตระกูล 900 คน ดังนั้นครอบครัวนี้จึงมีบุตรหลานสืบตระกูลมาจนทุกวันนี้เป็นจำนวนหมื่นกว่าคน จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วแต้จิ๋วว่า เซี้ยโจ้วนั้นวาจาสิทธิ์ยิ่งนัก

 

  สมัยก่อนที่อำเภอไห่เอี้ยง หรือปัจจุบันเรียกว่า เตี๊ยอัง คนชาวหมู่บ้านท่ำเช็งเฮีย ตระกูลแซ่ชุง ได้เชิญท่านเซี้ยโจ้วไปดูทำเลสร้างฮวงจุ้ยให้แก่บรรพบุรุษท่านเซี้ยโจ้วจึงกำหนดชัยภูมิให้ที่เขตเนินเขาพ่งจิวชุง

เมื่อตัวสุสานสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านโจวซือได้ดูฤกษ์ยามและวันศุภมงคลกำหนกการฝังร่างบรรพบุรุษขณะนั้น ท่านเซี้ยโจ้วมีความจำเป็นต้องเดินทางไปทำธุระที่อื่น ท่านจึงได้สั่งเสียท่านเจ้าภาพว่า เมื่อพิธีการต่าง ๆ สำเร็จเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ให้รอเวลาจะมีคนขี่ม้าขาวผ่านมายังด้านหน้าสุสาน ให้รีบทำการยกโลงศพยังหลุมทำการฝังทันที แต่ท่านหัวหน้าตระกูลแซ่ซุง ได้แต่รอ รอแล้ว รออีก จนกระทั่งเกือบเย็น ก็ยังปราศจากบุคคลขี่ม้าขาวผ่านมายังหน้าสุสาน

             แต่ทันใดนั้น ก็เห็นคนคนหนึ่งกำลังจูงม้าขาวผ่านมายังหน้าสุสาน หัวหน้าแซ่ซุนดีใจมาก หลงเข้าใจผิดว่าเวลามงคลได้มาถึงแล้ว จึงรีบสั่งคนงานนำโลงศพมาบรรจุยังหลุมศพ และนำดินทรายมากลบฝังจนสมบูรณ์ ในเวลาเดียวกันนั่นเอง ก็ได้เห็นคนขี่ม้าขาวอีกผู้หนึ่งขี่ม้าเหยาะย่างผ่านหน้าสุสานหลุมศพไป

เมื่อท่านเซี้ยโจ้วเดินทางกลับมาได้ฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงกล่าวด้วยความเสียดายว่า ที่สั่งไว้คือคนที่ขี่ม้าหาใช่คนที่จูงม้าไม่ น่าเสียดายอย่างยิ่งคงเป็นเพราะตระกูลแซ่ซงด้อยวาสนา จึงทำให้เหตุการณ์เป็นไปตามเช่นนี้ ลิขิตสวรรค์บัญชาไปตามนี้ จักแก้ไขมิได้

             ความจริงแล้วชัยภูมิของสุสานนี้ ด้านซ้ายมีดาวเทียงเบ่ คือ ดาวอาชาสวรรค์สถิต ด้านขวามีดาวบุ่งปิก คือดาวพู่กันบัณฑิตสถิต ส่วนด้านหลังก็มีซังล้วง คือมีภูเขาเล็กที่สูงมียอดแหลมเป็นชัยภูมิที่ส่งเสริมลูกหลานให้เจริญรุ่งเรืองมีความสามารถทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋น

แต่เนื่องจากการทำพิธีที่ผิด นกหลวงคู่เป็นนกชนิดหนึ่งที่ถือเป็นมงคล กลับกลายเปลี่ยนเป็นนกหงส์ ดังนั้นคหบดีแซ่ซุงผู้นีน้ ภายหลังจึงได้กำเนิดบุตรี 2 คน บุตรีคนโตนั้นตกแต่งเป็นภรรยาให้กับขุนทัพเพ่งอวก เอ็งบ่วงตั๊ก ส่วนคนเล็กได้เป็นภรรยาของขุนนางตำแหน่งจอง้วงชาวแต้จิ๋วที่มีชื่อเสียงโด่งดั่งในสมัยราชวงศ์เม้ง

 

             ชัยภูมิกิเลนลอกคราบ

             วันหนึ่งท่านเซี้ยโจ้วได้ท่องมาถึงดินแดนเนินเขาซึงโพ่วซัว ท่านพิจารณาว่าเนินเขาแห่งนี้มีทำเลดี จึงแนะนำชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงให้นำกระดูกและอัฐิของบรรพบุรุษมายังเนินเขา พร้อมกับนับวันเดือนเวลาเที่ยงวันตรงให้คอยฟังเสียงฆ้องเสียงฬ่อดังขึ้นเมื่อใด ให้รีบบรรจุฝังร่างของบรรพบุรุษทันที เหล่าชาวบ้านจึงนำร่างของบรรพบุรุษขุดหลุมคอยฟังเสียงสัญญาณฆ้องฬ่อดังขึ้น

ท่านเซี้ยโจ้วเมื่อเห็นเวลาเป็นศุภมงคล จึงเดินขึ้นไปบนเนินเขา ตีฆ้องตีฬ่อทันที เหล่าชาวบ้านที่มีฐานะยากจน เมื่อได้ยินเสียงฆ้องเสียงฬ่อดังขึ้น ก็รีบนำร่างบรรพบุรุษใส่ยังหลุมที่ขุดไว้อย่างรวดเร็วและทำการฝังกลบอย่างลวก ๆ ส่วนชาวบ้านที่มีฐานะดี ต่างบรรจุร่างของบรรพบุรุษอย่างปราณีตบรรจง มัวแต่ตั้งองศาความลาดเอียงและทิศทาง จนเมื่อเสียงฆ้องฬ่อเงียบลง ถึงทำการฝังกลบร่างของบรรพบุรุษ

ครั้นต่อมาในภายหลังปรากฎว่าลูกหลานชาวบ้านของฝ่ายที่ยากจนนั้นเจริญร่ำรวยขึ้น ส่วนชาวบ้านที่มีฐานะ ลูกหลานกลับยากจนทุกข์เข็ญลง จึงมีผู้ถามท่านเซี้ยโจ้วว่า นี่เป็นเพราะสาเหตุดังฤา ท่านจึงตอบว่า อันเนินซึงโพ่วซัวนั้น เป็นเนินพญากิเลน วันที่ท่านดูฤกษ์กับเวลาที่ท่านเคาะตีฆ้องฬ่อ เป็นเวลาที่พญากิเลนกำลังลอกคราบพอดี ผู้ที่ฝังร่างบรรพบุรุษขณะที่พญากิเลนกำลังลอกคราบ นับได้ว่าเป็นสิริมงคลอย่างยิ่งส่วนผู้ที่ฝังร่างบรรพบุรุษภายหลังเสียงฆ้องฬ่อสิ้นสุดลง เป็นเวลาหลังเที่ยงวัน เป็นเวลาที่พญากิเลนลอกคราบเสร็จพอดีจึงนับเป็นอัปมงคลอย่างยิ่ง

 

ชัยภูมิหงส์คู่เริงสุริยา

             ท่านเซี้ยโจ้วเมื่อตอนอยู่ที่แต้จิ๋ว ท่านชอบเที่ยวชมภูเขา ศึกษาชมดูฮวงจุ้ย วันหนึ่งท่านได้เดินทางมาถึงภูเขาแห่งหนึ่ง ท่านได้ยินเสียงจุดประทัดอึกทึกครึกโครม ท่านาจึงเดินทางไปตามเสียงนั้น มองเห็นชนกลุ่มหนึ่งกำลังฉลองการสร้างสุสานบูชาเจ้าป่าเจ้าเขาเจ้าที่เจ้าทาง และเชื้อเชิญบรรดาแขกเหรื่อเข้าร่วมกินโต๊ะรับประทานอาหาร

ท่านเซี้ยโจ้วซึ่งเดินทางมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย และหิวกระหายเป็นอันมาก จึงเข้าไปร่วมกินโต๊ะด้วยอย่างไม่เกรงใจ เมื่อรับประทานอาหารแล้วเสร็จ ท่านเซี้ยโจ้วได้เดินไปใกล้สุสาน เดินย่องไปที่หลังป้ายศิลาของสุสาน เขียนตัวอักษรคำว่า ฮ้วย แปลว่า เพลิง และยังเขียนคำกลอนที่ด้านข้างทั้งสองปีกของสุสาน คำว่า ซังหงเชี่ยวเยง ติกไล้ปุกย่งเอ็ก เซียงฮ่วงเซ่งไจไห่ กิบซี้คื้อเจียะไป้ แปลว่า หงส์คู่เริงสุริยา ได้มาไม่สะดวก กลับกันจักเป็นภัย รีบรื้อศิลาทิ้ง ลงชื่อ ซัวยิ้งแปลว่า คนภูเขา แล้วท่านเซี้ยโจ้วก็เดินทางลงจากเขาไป ไม่ทราบว่าไปสู่หนใด

             ต่อมาอีกประมาณครึ่งชั่วยาม ก็มีคนรับใช้ของเจ้าของสุสานวิ่งกระหืดกระหอบมายังปะรำพิธีเซ่นไหว้หน้าสุสาน กล่าวกับท่านเจ้าของสุสานว่า ที่บ้านของท่านเจ้าของสุสานได้ถูกไฟไหม้หมดสิ้นแล้ว ท่านเจ้าของสุสานเห็นเป็นลางอัปมงคลนั้น จึงไปเดินสำรวจรอบสุสาน ก็เห็นคำโคลงคำตักเตือนของท่านเซี้ยโจ้ว จึงรีบสั่งคนงานถอดถอนป้ายศิลาหน้าสุสานทิ้งทันที

จึงมีคนจำได้ว่า ผู้ที่เขียนคำโคลงนั้นคือท่านเซี้ยโจ้ว ซักบ้อเซียนนั่นเองท่านเจ้าของสุสานมีความรำลึกในบุญคุณของท่านเซี้ยโจ้วมิวาย กล่าวกันว่าภายหลังจากนั้นมา ลูกหลานรุ่นต่อ ๆ มาของเจ้าของสุสาน ต่างพากันจำเริญรุ่งเรือง ร่ำรวยมีชื่อเสียงสืบลูกหลานมาด้วยจำนวนหมื่น และตัวสุสานนั้นมาจนทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีการตั้งป้ายศิลาขึ้นไปใหม่

 

             ท่านเซี้ยโจ้วรู้ซึ้งในเรื่องฮวงจุ้ยและสิ่งลึกลับทั่วไป ฉะนั้นชื่อเสียงจึงขจรไปทั่วสารทิศ ได้จากแต้จิ๋วไป เดินทางจนลู่ถึง หกเกี่ยนผ่าน เหยี่ยวเพ้ง.เหยี่ยวอัน.จั่วจิว.เจี่ยฮั้ง.และหกเช็ง.หวนกลับไป กิ้วกงซัวบำเพ็ญตนซึ่งพำนักอยู่อาราม ฉือหุ่ยจี่วิปัสสนากรรมฐานลุล่วงไป 5 ปี จึงละเว้นการทานอาหารอาศัยผลไม้ประทังชีวิตจนครบ 14 ปี อายุได้ 68 ปี ก็ออกเดินทางไปทิศเหนือถึง ไท่เห่งซัวอาศรมอยู่บ้านแฝกเพื่อแพร่ธรรมมหายานชะรอยตาม อึ่งเถ่งเกียงเต่ายิ้น” ( นักพรต) สู่ปรินิพพาน ท่านเซี้ยโจ้วเมื่อครั้นมีชีวิตอยู่ได้กำชับสั่งเสียกับชนชาว กีซัวว่า ที่หลังบ้านแฝกนั้นมีลานว่างอยู่ เมื่อข้าพเจ้าล่วงลับไปแล้ว ให้นำร่างอันไร้วิญญาณนี้ฝังไว้ที่นั่น ชาวบ้านมีความรู้สึกท่านเป็นผู้วิเศษและลึกลับน่าพิศวง จึงได้แก้ไขบ้านแฝกนั้น สร้างเป็นจังเว็จบูชาท่าน ตั้งชื่อศาลว่า เหล่งบ้วยเอี๊ยต่อมาชนทุกชั้นวรรณศรัทธานับถือท่าน บูชากราบไหว้ไม่ขาดสาย โดยเฉพาะผู้ชิดชอบเรื่องฤกษ์ยาม ฮวงซุ้ย” ( สุสาน) ก็พยายามขอเสี่ยงทายคำทำนาย และก็แม่นยำตามปรารถนา ยิ่งกว่านั้น ผู้ปวารณาเฝ้าศาล ซึ่งมีจิตเผยแพร่ความดีงามของท่าน ได้คิดทำแกะพิมพ์เป็นยัญขึ้น แจกจ่ายให้สาธุชนทั้งหลาย เพื่อขจัดปัดเป่าภัยอันตราย โดยอภินิหารท่าน ผลลัพธ์คือศักดิ์สิทธิ์ตามความประสงค์ ฉะนั้น 600 กว่าปีที่ผ่านมา สาธุชนทั้งหลายคงตั้งจิตศรัทธาบูชาเป็นเนืองนิตย์

 

 การบูชาองค์ฮ้อเอี้ยฮุ้งเซี้ยโจ้ว 何野云圣祖

นักพรตเหอเหฺย่อวิ๋น ( ฮ้อเอี้ยฮุ้ง ) 何野云圣祖 เป็นบุคคลในสมัยราชวงศ์หยวนตอนปลาย เป็นชาวอำเภอจี๋เสี้ยน มณฑลซันซี เมื่อเล็กใฝ่ศึกษา ครั้นต่อมาได้รับสืบทอดรหัสยนัยจากนักพรตชิงหยวน มีความเชี่ยวชาญด้านภูมิทัศน์ศาสตร์ ( ฮวงจุ้ย ) ภายหลังเบื่อหน่ายโลกีย์วิสัยจรจาริกสู่ภูไพร บำเพ็ญฌานสมาธิจนบรรลุอนุตรธรรม

ผู้ที่เลื่อมใส ศรัทธาบูชาท่านด้วยของเจ ผลไม้ และอธิษฐานความสำเร็จ โดยเฉพาะผู้ที่ศึกษาวิชาดูดวง ฮวงจุ้ย ขอความสำเร็จจากท่านดีนักแลค่ะ

วิธีการสั่งซื้อสินค้า

ขั้นตอนที่ 1
เลือกสินค้าที่คุณต้องการ โดยคลิกปุ่มสั่งซื้อ / หยิบลงตะกร้า
ขั้นตอนที่2
เมื่อเลือกสินค้าครบแล้ว ให้คลิกปุ่มสั่งซื้อสินค้าในตะกร้าสินค้า
ขั้นตอนที่ 3
กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน จากนั้นคลิกปุ่มยืนยันการสั่งซื้อ
ขั้นตอนที่ 4
ชำระค่าสินค้าและบริการ สามารถดู วิธีการชำระเงินได้ที่นี่
ขั้นตอนที่ 5
แจ้งการชำระเงินผ่านทางหน้าเว็บไซต์ แจ้งชำระเงิน
ขั้นตอนที่ 6
เมื่อทางร้านตรวจสอบรายการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว จะจัดส่งสินค้าให้คุณทันที

วิธีการชำระเงิน

ถ้าสินค้ามีราคา 0.00 บาท แสดงว่าสินค้าไม่พร้อมส่ง หรือ ไม่มีสินค้าค่ะ
บมจ. ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนวชิรปราการ ออมทรัพย์

นโยบายการเปลี่ยนหรือคืนสินค้า

รายละเอียดในการรับประกันพระ

 ทางร้านรับประกันพระแท้  " ตามหลักมาตรฐานสากล "  ของวงการพระเครื่อง
ในระยะเวลา 7
 วัน หลังจากท่านได้รับพระหรือวัตถุมงคลจากทางร้าน
หากเก๊ยินดีคืนเงินเต็มจำนวนโดยไม่หักเปอร์เซ็นต์ใดๆ ทั้งสิ้น

หมายเหตุ สำคัญค่ะ
 ( ถ้าเกินระยะเวลา 7 วัน หลังจากได้รับสินค้าแล้ว ทางร้านไม่รับคืน ทุกกรณีค่ะ)

กรณีที่ต้องการคืนพระ ต้องผ่านการตรวจสอบ เงื่อนไขมีดังนี้

ส่งพระเข้าตรวจสอบกับทางสมาคมพระเครื่อง หรือ เว็บไซส์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับ และออกใบรับรองอย่างชัดเจน

( โดยชี้ชัดว่า "เก๊" ทางร้านยินดีคืนเงินให้ทันที และจะออกค่าใช้จ่ายในส่วนการตรวจสอบคืนให้ด้วยค่ะ )

ทางร้านจะไม่ยอมรับการตัดสินจากบุคคลใดๆ ทั้งสิ้นที่อ้างตัวเป็นผู้รู้ และ ไม่มีเอกสารการตรวจสอบชัดเจน

จะยอมรับเฉพาะกรณีที่แจ้งไว้ข้างต้นเท่านั้น

 โดยวัตถุมงคลจะต้องอยู่ในสภาพเดิมเหมือนดังในรูป ไม่ล้างผิว ชำรุดหักบิ่น และเสียสภาพจากเดิม

ยินดีต้อนรับค่ะ

เหรียญหรือรูปปั้นองค์เทพเจ้าจีนบูชาให้ร่ำรวย [7335]

หรูหราพระเครื่อง

หน้าที่เข้าชม2,390,305 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด1,755,314 ครั้ง
เปิดร้าน12 ก.พ. 2560
ร้านค้าอัพเดท8 ก.ย. 2568

ติดตามพัสดุ

*ใส่ เบอร์มือถือ หรือ email ที่ใช้ในการสั่งซื้อ

ติดต่อเรา

0926462958

Join เป็นสมาชิกร้านค้า

ร้านพระเครื่องยอดนิยมทั้งไทยและจีนของมงคลเสริมดวงให้ร่ำรวย
ร้านพระเครื่องยอดนิยมทั้งไทยและจีนของมงคลเสริมดวงให้ร่ำรวย
/www.xn--42cg1etaabb2dbz4av4eta5i0f.com/
Join เป็นสมาชิกร้าน
69
สมัครสมาชิกร้านนี้ เพื่อรับสิทธิพิเศษ

มีดหมอหลวงพ่อฤาษีลิงดำรุ่น1

www.Luxuryhruhra.com

พระโพธิสัตว์ตารา

เหรียญเต๋าบ้อ

รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านพระเครื่องยอดนิยมทั้งไทยและจีนของมงคลเสริมดวงให้ร่ำรวย
พระเครื่องยอดนิยมทั้งไทยและจีนของมงคลเสริมดวงให้ร่ำรวย
พระเครื่องยอดนิยมทั้งจีนและไทย เหรียญเทพเจ้าจีนเจ้าแม่กวนอิม เจ้าพ่อกวนอู พระสังกัจจายน์บูชาแล้วร่ำรวยเสริมดวงชะตา วัตถุมงคลเสริมฮวงจุ้ย
เบอร์โทร : 0926462958
อีเมล : hraluxury@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม