รหัสสินค้า | SKU-02668 |
หมวดหมู่ | 3. เจ้าพ่อเสือ,องค์ตั่วเล่าเอี๊ยกง,เฮี่ยงเทียงเสี่ยงตี่玄天上帝 |
ราคา | 0.00 บาท |
อัพเดทล่าสุด | 20 ส.ค. 2567 |
ประวัติเจ้าพ่อเสือ
ศาลเจ้าพ่อเสือ (เสาชิงช้า), ศาลเจ้าพ่อเสือ พระนคร หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า ศาลเจ้าพ่อเสือ
อักษรจีนตัวเต็ม: 打惱路玄天上帝廟, ตัวย่อ: 打恼路玄天上帝庙, พินอิน: Dǎ nǎo lù xuán tiān shàngdì miào ตานาวลู่เฉียงเทียนซ่างตี่เมี่ยว, ฮกเกี้ยน: ต้านาวหล่อเอี่ยนเถี้ยนซ่งเต้เบี้ยว) เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ซึ่งตั้งอยู่บนถนนตะนาว ใกล้เสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
ชาวจีนเรียกศาลเจ้านี้ว่า "ตั่วเหล่าเอี้ย" (เทพเจ้าใหญ่) โดยเป็นที่ประดิษฐานรูปเอี่ยนเถี้ยนส่งเต้, รูปเจ้าพ่อเสือ, รูปเจ้าพ่อกวนอู และรูปเจ้าแม่ทับทิม
ว่ากันว่าศาลเจ้าพ่อเสือตั้งขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) เดิมตั้งอยู่ริมถนนบำรุงเมือง ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โปรดให้ขยายถนนบำรุงเมือง ได้โปรดให้ย้ายศาลมาไว้ที่ทางสามแพร่งถนนตะนาว จนถึงปัจจุบัน
เทพเจ้าตั่วเหล่าเอี๊ย หรือองค์เทพ เฮี่ยงเทียนเสี่ยงตี่
ช่วงตรุษจีนของทุกปีเทพองค์หนึ่งที่ ผู้คนนิยมไปกราบไหว้ขอพรกันอย่างเนืองแน่น เพื่อให้มีโชคมีชัยตลอดทั้งปี ก็คือ "ตั่ว เหล่าเอี๊ย หรือเฮี่ยงเทียนเสี่ยงตี่" ณ ศาลเจ้าพ่อเสือ ซึ่งชาวจีนถือเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องอภิบาล และปราบปรามศัตรู
ประวัติเทพเจ้าตั่วเหล่าเอี๊ย หรือองค์เทพ เฮี่ยงเทียนเสี่ยงตี่
ตำนานที่ 1 เทพเจ้าตั่วเหล่าเอี๊ย หรือองค์เทพ เฮี่ยงเทียนเสี่ยงตี่
มี ตำนานเล่าขานมากมายเกี่ยวกับตั่วเหล่าเอี๊ย อาทิ ในเทวปกรณัมของจีนกล่าวว่า เมื่อครั้งบรรพกาลล่วงมาแล้ว เมืองลกฮง กึงตัง ประเทศจีน มีชายหนุ่มรูปร่างกำยำใหญ่ผู้หนึ่งประกอบอาชีพฆ่าหมูและวัวเพื่อส่งขาย คืนหนึ่งเกิดนิมิตเห็นนักพรตลัทธิเต๋ามาบอกให้เลิกฆ่าสัตว์ เพราะเขามิได้เกิดมาเพื่อการนี้ แต่เกิดมาเพื่อสร้างบารมี ควรหันมาบำเพ็ญธรรมแล้วจะสำเร็จ เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาชายหนุ่มจึงเล่าให้มารดาฟัง ซึ่งมารดาก็เห็นด้วย ทั้งสองจึงตกลงยุติการฆ่าสัตว์และตั้งใจบำเพ็ญปฏิบัติธรรม
เมื่อตั้งใจบำเพ็ญปฏิบัติธรรมไปได้ 3-4 วัน นักพรตที่นิมิตฝัน ก็มาปรากฏกายที่หน้าบ้าน ถามมานพหนุ่มว่า เขาตัดสินใจเด็ดเดี่ยวที่จะบำเพ็ญพรตให้สำเร็จหรือยัง มานพหนุ่มตอบตกลงทันที และจัดการทรัพย์สินรวบรวมเป็นเงินก้อนหนึ่ง ไว้เลี้ยงดูมารดาผู้ชรา แล้วเก็บข้าวของออกเดินทางตามนักพรตขึ้นเขาไปบำเพ็ญพรต
ด้วยความมานะ ตั้งใจหมั่นปฏิบัติบำเพ็ญ แต่การปฏิบัติก็ไม่มีความก้าวหน้า ไม่ประสบผลแต่อย่างไร ศิษย์ที่มาใหม่ต่างสำเร็จไปก่อนเขา ทำให้มานพหนุ่มรู้สึกเสียใจ ท้อใจ วันหนึ่งจึงถามท่านนักพรตผู้อาจารย์ว่า เขาจะมีวันสำเร็จธรรมไหม ท่านอาจารย์ตอบแก่เขาว่า ตราบใดที่ภายในของเขายังสีดำอยู่ ก็อย่าถามถึงความสำเร็จเลย
พอกลับไปถึงห้องพัก มานพหนุ่ม ครุ่นคิดอย่างหนัก อีกทั้งเสียใจ ข้องใจ ในคำพูดของอาจารย์ว่า ภายในของเขา สีดำ นั้นหมายความว่าอย่างไร เพราะเขามีความตั้งใจมั่นมาบำเพ็ญธรรม ก็เพื่อความสำเร็จ ถ้าภายในคืออุปสรรค เขาก็ยินดีพลีชีพเพื่อบูชาธรรมที่หวังจะ สำเร็จนั้น ๆ
คิดได้ดังนั้น เขาก็คว้ามีดขึ้นมาคว้านท้อง ลากไส้และกระเพาะออกมา พอเครื่องในเหล่านั้นหลุดพ้นจากร่าง เขาก็รู้สึกตัวเบาและบรรลุธรรมทันที เนื่องเพราะอาชีพที่ฆ่าสัตว์มามาก และมานพหนุ่มเอาชีวิตตนแลกธรรม เพื่อทดแทนบาปเคราะห์กรรม ที่มาเป็นอุปสรรคขัดขวางการบำเพ็ญได้สำเร็จ
อาจารย์นักพรตทราบความ เร่งรุดมาที่ห้องพักมานพหนุ่ม เข้าช่วยเหลือรักษา พยาบาลจนมานพหนุ่มเป็นปกติ โดยท้องมานพหนุ่มปราศจากลำไส้ และกระเพาะ แต่มิเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิต เพราะฌานสมาบัติแห่งธรรม หล่อเลี้ยงรักษาให้เป็นอยู่
เมื่อสำเร็จธรรม นักพรตเห็นสมควรที่ท่านจะลงจากเขาไปโปรดผู้คน ก่อนจากกัน ท่านอาจารย์ได้ มอบธงให้มานพหนุ่มผืนหนึ่ง เป็นสีขาว มานพจัดเตรียมสัมภาระลงเขาโดยเอากระเพาะและลำไส้ ของเขา ที่ตากแห้ง เก็บไว้ นำติดตัวลงมาด้วย ครั้นเดินทางถึงตีนเขา ได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของหญิงสาว จึงเข้าไปดู พบหญิงท้องแก่กำลังจะคลอดบุตร มานพหนุ่มบอกแก่หญิงคนนั้นว่า ท่านเป็นผู้ชายและเป็นนักบวช มิใช่หน้าที่ที่จะช่วยการคลอดได้ ได้แต่มอบธงผืนที่อาจารย์มอบให้แก่หญิงคนนั้น เพื่อรองรับเด็กทารก หญิงคนนั้นคลอดบุตรออกมาอย่างปลอดภัย เมื่อตัดสายสะดือเช็ดคราบเลือดแล้ว ยกทารกน้อยอุ้มขึ้นในอ้อมกอด หญิงคนนั้นได้ขอบใจท่านมานพหนุ่ม และส่งคืนธงที่เปื้อนเลือดคืนแก่ท่าน
มานพหนุ่มจึงนำธงไปล้างที่ชายคลอง พอธงจุ่มลงน้ำ น้ำในคลองพลันเปลี่ยนเป็นสีดำทันที รวมทั้งธงของเขาก็กลายเป็นสีดำด้วย โดยไม่ได้ระวัง ระหว่างที่ล้างกระเพาะและลำไส้ที่เก็บไว้ชายพก ตกลงไปในน้ำ เขาก็คิดว่าดีเหมือนกัน ไม่ต้องเป็นภาระเก็บรักษาอีกต่อไป มานพหนุ่มลงเขาโปรดผู้คนอยู่จวบจนสิ้นวาระขัยจากมนุษย์โลก ไปเสวยทิพย์สมบัติ องค์เง็กเซียนฮ่องเต้จ้าวแห่งสวรรค์ โปรดประทานยศให้เป็น
ผู้ตรวจการภพสาม ตำแหน่ง “ เหี่ยง เทียน เสี่ยง ตี่ ” ผู้พิชิตมาร โดยมีธงเทพโองการดำเป็นอาญาสิทธิ์ ธงสีดำเป็นสัญลักษณ์ของท่าน เป็นธงบัญชาการของเจ้าหรือเทพพรหม มีลัญจกรอยู่ในธง อาญาสิทธิ์เฉียบขาด
ต่อมาเง็กเซียนฮ่องเต้มีพระบัญชาให้ไปปราบสัตว์ประหลาด 2 ตน พอพบสัตว์ประหลาดทั้งสอง เฮี่ยงเทียนเสี่ยงตี่ทราบทันทีว่าเป็นกระเพาะและลำไส้ของตนที่ปีศาจร้ายเข้า ไปสิงสถิตอยู่ กระเพาะกลายเป็น "เต่า" และลำไส้กลายเป็น "งู" ท่านจึงเอาเท้าข้างหนึ่งเหยียบเต่า และเท้าอีกข้างเหยียบงูไว้ สยบสัตว์ปีศาจร้ายทั้งสองจนหมดฤทธิ์
ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธาจึงจัด สร้างศาลเจ้าและรูปปั้นท่านขึ้นบูชา โดยใช้สัญลักษณ์เท้าเหยียบเต่า เหยียบงู และธงสีดำ โดยมี "เสือ" เป็นบริวารพาหนะ นี่คือตำนานแห่ง ตั่วเหล่าเอี๊ย หรือเฮี่ยงเทียนเสี่ยงตี่ เทพศักดิ์สิทธิ์ ประจำกลุ่มดาวด้านทิศเหนือ ผู้พิชิตมาร ในรูปลักษณ์ขุนพลเคราดำยาว เท้าเหยียบบนหลังงูและเต่าซึ่งถือเป็นสัตว์ประจำกาย มือขวาถือดาบชิดแชเกี่ยม มือซ้ายยกชี้ระดับหน้าอกไปยังท้องฟ้า อันแสดงความหมายถึงการบรรลุธรรมสำเร็จเต๋า ที่ผู้คนกราบไหว้นับถือมาจนถึงทุกวันนี้
ตำนานที่ 2 เทพเจ้าตั่วเหล่าเอี๊ย หรือองค์เทพ เฮี่ยงเทียนเสี่ยงตี่
คนจีนมีเจ้าที่เกี่ยวพันกับทิศหลายทีม หนึ่งคือเทพเจ้าแห่ง 5 ขุนเขาใน 5 ทิศ คือเหนือ, ใต้, ออก, ตก, และทิศตรงกลาง และมีอีกหนึ่งที่คนผู้มีภูมิวิชาเรื่องฮวงจุ้ย จะต้องรู้จักดีคือ เทพสัตว์ประจำทิศทั้ง 4 คือ
แซเล้ง หรือมังกรเขียว ประจำอยู่ทิศตะวันออก
แปะโฮ่ว หรือเสือขาว ประจำอยู่ทิศตะวันตก
จูเซียะ หรือนกเจ้า ประจำอยู่ทิศใต้
เฮี่ยงบู้ หรือคู่มิตรงูและเต่า ประจำอยู่ทิศเหนือ
เทพทิศเหนือคือ เฮี่ยงบู้ นักพรตเต๋านับถือท่านมาก กำเนิดของเทพทิศเหนือคือ การอุบัติขึ้นเองบนสวรรค์ จากการรวมตัวของเทหวัตถุในจักรวาล เกิดเป็นเทพดวงดาวองค์หนึ่งที่ได้จุติลงมาเกิดเป็นมนุษย์ในยุคอึ้งตี่ โดยเป็นโอรสของ “ เสียงเสียฮวงโฮ้ว ” แปลว่ามเหสีเสียงเสียแห่งรัฐเจ็งลัก
ด้วยตำนานการเกิดที่ค่อนข้างพิสดารตามแบบนิทานโบราณว่า มเหสีเสียงเสียทรงครรภ์นานถึง 14 เดือน แล้วได้ประสูติโอรสออกทางซี่โครง ณ วันที่ 3 เดือน 3 ของจีน
เมื่อ เฮี่ยงบู้ อายุได้ 14 ปี ได้ออกจากวังไปเที่ยวชมเทศกาลโคมไฟ แล้วเกิดได้คิดสัจธรรมว่า เกิดเป็นคนนี้ช่างยากเสียจริง ทำอย่างไรหนอจึงจะตัดกิเลสทางโลกให้ได้ เฮี่ยงบู้ จึงสละทางโลกไปปลีกวิเวกที่เขาบู๊ตึ้ง ร่ำเรียนธรรมในแนวทางของเต๋า แล้วที่สุดก็กลายเป็นเซียน แล้วได้รับราชโองการแต่งตั้งจากเง็กเซียนฮ่องเต้ ให้เป็นเทพรักษาทิศเหนือ ด้วยพระนามว่า เฮี่ยงบู้ แปลตรงตัวว่า กำลังลึกลับอัศจรรย์
เฮี่ยงบู้ มีวรกายสูงใหญ่ถึง 9 ฟุต และมีพักตร์กลมดั่งดวงจันทร์ คิ้ว, ตา มีอำนาจ ผมดำ มีเคราและร่างกายกำยำแข็งแรง ผิวกายดำขลับ ทรงมงกุฎหยก แต่ชุดทรงกลับเป็นหญ้า เลื่องชื่อมากว่าทรงไล่ผีเก่ง บางตำราบอกว่า เฮี่ยงบู้ เป็นอีกภาคหนึ่งของเง็กเซียนฮ่องเต้
อย่างไรก็ตาม, บางท้องที่และบางสมัยไหว้ เฮี่ยงบู้ ในฐานะเทพดวงดาว จากที่คนโบราณได้แบ่งฟ้าเป็น 28 ช่อง หรือ 28 กลุ่มดาว ในสมัยจั่นกว๋อ ได้มีคนจัดแบ่ง 28 กลุ่มดาวใหม่เป็น 4 กลุ่มใหญ่ แล้วให้ชื่อเป็นสัตว์ 4 ชนิดคือ
มังกรเขียว สำหรับกลุ่มดาวทางทิศตะวันออก
เสือขาว สำหรับกลุ่มดาวทางทิศตะวันตก
นกเจ้า สำหรับกลุ่มดาวทางทิศใต้
เต่า สำหรับกลุ่มดาวทางทิศเหนือ
ต่อมาเต่าถูกจับคู่กับงู แล้วเป็นสัญลักษณ์ประจำองค์ของ เฮี่ยงบู้ ครั้นถึงสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ เฮี่ยงบู้ ถูกวาดภาพให้เป็นเทพผมยาว ทรงชุดใหญ่และถือดาบ
สมัยราชวงศ์เหม็ง ตามศาลเจ้านิยมสร้างองค์ เฮี่ยงบู้ ไว้บูชา โดยมีคู่มิตรเต่า งู อยู่เคียงองค์ แล้วคนเกิดเชื่อถือกันว่า ถ้าไหว้ท่านด้วยน้ำและไฟ จะช่วยให้พ้นภัยพิบัตินานา
ในสมัยราชวงศ์เซ็ง ฮ่องเต้มีโองการให้ไหว้ เฮี่ยงบู้ ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์ ด้วยความเชื่อส่วนพระองค์ว่า เฮี่ยงบู้ เป็นผู้ดูแลโชคชะตาของคน พระองค์จึงไหว้เพื่อขอพรให้ทรงพระชนมายุยืนยาว
หลังจากสมัยต่างๆ เหล่านี้ เทพทิศเหนือ เฮี่ยงบู้ จึงเป็นที่เคารพกราบไหว้ของคนจีน ไหว้เพื่อขอพรให้โชคดี
ปัจจุบันนิยมไหว้ศาลเจ้าพ่อเสือเพื่อ "เสริมอำนาจบารมี" โดยใช้ ธูป 18 ดอก และเทียนแดงคู่ เป็นเครื่องสักการะ วิธีสักการะ ไหว้ด้วยธูป 18 ดอก ปัก 6 กระถาง เทียนแดง 1 คู่ และพวงมาลัย 1 พวง ส่วนการสักการะเจ้าพ่อเสือ จะต้องซื้อเครื่องเซ่นซึ่งประกอบด้วย หมูสามชั้น ไข่สด และข้าวเหนียวหวาน อีกทั้งผู้คนก็นิยมมาเสี่ยงเซียมซีในศาลเจ้านี้ที่ขึ้นชื่อว่าทายแม่นเหมือนตาเห็นอีกด้วย
ความเชื่อการไหว้ศาลเจ้าพ่อเสือ
ศาลเจ้าพ่อเสือ ตั้งอยู่เลขที่ 468 ถนนตะนาว ในบริเวณที่ตัดกับถนนอุนากรรณ ใกล้เสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เป็นศาลเจ้าชาวจีนแต้จิ๋ว (สายลัทธิเต๋า) ที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย คนจีนเรียกกันว่า"ตั่วเล่าเอี้ย" เป็นศาลเจ้าที่ประดิษฐาน เฮี้ยงเทียนเซียงตี่ (เหี่ยงเทียงเสี่ยงตี่ ก็เรียก), รูปเจ้าพ่อเสือ, เจ้าพ่อกวนอู และ เจ้าแม่ทับทิม เป็นที่เคารพนับถือของทั้งชาวไทยและจีนเป็นอย่างมาก
เชื่อกันว่าทุก ๆ ปีขาลที่เวียนมาถึงจะเป็นปีที่มีธุรกิจล้มละลายกันมากเป็นประวัติการณ์ บริษัทห้างร้านต่าง ๆ พากันปิดกิจการกันมาก ภาระการค้ามีอุปสรรคมาก อย่างไรก็ตามคัมภีร์โหราศาสตร์จีน (โป๊ยยี่สี่เถี่ยวเก็ง)
บันทึกไว้ว่า "ในปีขาล (เสือ) นี้บุคคลที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของเสือแล้ว กลับจะเป็นปีที่มีความก้าวหน้าอย่างมากมายในขณะที่คนอื่นต้องพบกับชะตากรรมที่ถูกผลักดันให้ตกต่ำ ไม่ได้รับการเอาใจใส่ในช่วงเวลาอันวุ่นวายของปีเสือนี้" ดังนั้นผู้เขียน (พ. สุวรรณ) ขอแนะนำว่า ท่านผู้อ่านที่มีเกณฑ์ชะตาไม่ค่อยดีหรือผู้อ่านที่ต้องการความมั่นใจ ท่านควรหาโอกาสไปไหว้เจ้าที่ ศาลเจ้าพ่อเสือ (เสาชิงช้า) ซึ่งชาวจีนเรียกกันว่า "ตั่วเล่าเอี้ย" ให้ได้ในปีขาลหรือทุก ๆ ปีขาลที่เวียนมาถึง เป็นการสะเดาะเคราะห์เพื่อเสริมมงคลให้แก่ตัวเองและครอบครัว เมื่อท่านได้ทำตามที่ว่าท่านลองสังเกตุดูท่านจะรู้สึกว่า ชีวิตของท่านจะดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์จริงๆ (ซึ่งผู้เขียนเคยประสบกับตนเองมาแล้ว) ปัญหาและอุปสรรคต่างๆที่เคยขัดขวางท่านกลับคลี่คลายและลดลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ
ส่วนท่านที่เกิดปีขาล ปีมะเส็ง ปีวอกและปีกุน ขอแนะนำว่าในทุกๆปีขาลที่เวียนมาถึงควรไปไหว้เจ้าที่ศาลเจ้าพ่อเสือให้ได้ โดยเฉพาะคนปีขาลและปีวอกต้องขอเน้นเป็นพิเศษ เพราะเป็นปีที่มีอิทธิพลท่านมากจริงๆ และเพื่อความมั่นใจและได้ผลอย่างแน่นอน ควรไหว้ "ไฉ่ซิ้งเอี๊ย" (เทพเจ้าแห่งโชคลาภหรือเทพเจ้าเงินตรา) ที่ศาลเจ้าพ่อเสือ ชาวจีนที่มีอายุมากๆ ตลอดจนซินแสทั้งหลายต่างร่ำรือถึงความศักสิทธิ์ว่า ไฉ่ซิ้งเอี๊ย องค์ที่อยู่ในศาลเจ้าพ่อเสือ (เสาชิงช้า) ใครดวงไม่ดีแต่อยากรุ่งหรือใครที่มีปัญหาเรื่องเงินทอง ท่านจะช่วยดังนั้นชาวจีนจึงนิยมไปไหว้กันมาก
ปัจจุบันนิยมไหว้ศาลเจ้าพ่อเสือเพื่อ "เสริมอำนาจบารมี" โดยใช้ ธูป 18 ดอก และเทียนแดงคู่ เป็นเครื่องสักการะ วิธีสักการะ ไหว้ด้วยธูป 18 ดอก ปัก 6 กระถาง เทียนแดง 1 คู่ และพวงมาลัย 1 พวง ส่วนการสักการะเจ้าพ่อเสือ จะต้องซื้อเครื่องเซ่นซึ่งประกอบด้วย หมูสามชั้น ไข่สด และข้าวเหนียวหวาน อีกทั้งผู้คนก็นิยมมาเสี่ยงเซียมซีในศาลเจ้านี้ที่ขึ้นชื่อว่าทายแม่นเหมือนตาเห็นอีกด้วย
ความเชื่อในการบูชาตั่วเหล่าเอี๊ยกง , เจ้าพ่อเสือ
ตั่วเหล่าเอี๊ยกง,เจ้าพ่อเสือ ท่านสามารถช่วยเหลือผู้ที่ศรัทธา ขอพรให้สมหวังดังที่ตั้งใจและประทานโชคลาภทรัพย์สินเงินทอง การงานเจริญก้าวหน้า ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆได้สำเร็จ อีกทั้งขอพรเรื่องสุขภาพให้แข็งแรง การเรียนประสบความสำเร็จค่ะ
เจ้าพ่อเสือ , ตั่วเหล่าเอี๊ย เป็นเทพเจ้าที่ชาวไทยและชาวจีนเคารพ ศรัทธามาก เชื่อว่า ท่านมีพลังในการปกปัก อภิบาล ปราบปรามศัตรู พิชิตมารร้าย อีกทั้งสิ่งเลวร้ายได้รอบทิศ ผู้ที่บูชากราบไหว้ จะบังเกิดโชคลาภเงินทอง การงานเจริญรุ่งเรือง สุขภาพแข็งแรง อีกทั้ง มักนิยมมาขอให้ได้บุตรที่ดีด้วยค่ะ
“ ศรัทธา ย่อมนำมาซึ่ง ปาฎิหารย์ “ สิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ได้แปลว่าไม่มี อย่างน้อยก็เป็นที่พึ่งทางใจ ในยามที่อับจนหนทาง พิสูจน์ได้ด้วยตัวคุณเองนะค่ะ!
www.Luxuryhruhra.com จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ ประวัติของศาลเจ้าพ่อเสือ และองค์เทพตั่วเหล่าเอี๊ย ตลอดทั้งวิธีการไหว้บูชา ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ขอขอบพระคุณที่มาจาก คุณ พ.สุวรรณและศาลเจ้าพ่อเสือ เสาชิงช้า จ.กรุงเทพฯ มา ณ ที่นี้ด้วยคะ
รายละเอียดในการรับประกันพระ
ทางร้านรับประกันพระแท้ " ตามหลักมาตรฐานสากล " ของวงการพระเครื่อง
ในระยะเวลา 7 วัน หลังจากท่านได้รับพระหรือวัตถุมงคลจากทางร้าน
หากเก๊ยินดีคืนเงินเต็มจำนวนโดยไม่หักเปอร์เซ็นต์ใดๆ ทั้งสิ้น
หมายเหตุ สำคัญค่ะ
( ถ้าเกินระยะเวลา 7 วัน หลังจากได้รับสินค้าแล้ว ทางร้านไม่รับคืน ทุกกรณีค่ะ)
กรณีที่ต้องการคืนพระ ต้องผ่านการตรวจสอบ เงื่อนไขมีดังนี้
ส่งพระเข้าตรวจสอบกับทางสมาคมพระเครื่อง หรือ เว็บไซส์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับ และออกใบรับรองอย่างชัดเจน
( โดยชี้ชัดว่า "เก๊" ทางร้านยินดีคืนเงินให้ทันที และจะออกค่าใช้จ่ายในส่วนการตรวจสอบคืนให้ด้วยค่ะ )
ทางร้านจะไม่ยอมรับการตัดสินจากบุคคลใดๆ ทั้งสิ้นที่อ้างตัวเป็นผู้รู้ และ ไม่มีเอกสารการตรวจสอบชัดเจน
จะยอมรับเฉพาะกรณีที่แจ้งไว้ข้างต้นเท่านั้น
โดยวัตถุมงคลจะต้องอยู่ในสภาพเดิมเหมือนดังในรูป ไม่ล้างผิว ชำรุดหักบิ่น และเสียสภาพจากเดิม
หน้าที่เข้าชม | 2,389,819 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,754,828 ครั้ง |
เปิดร้าน | 12 ก.พ. 2560 |
ร้านค้าอัพเดท | 8 ก.ย. 2568 |